มจธ. หารือและสร้างความร่วมมือ เรื่อง การพัฒนากำลังคนกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)

เมื่อวันอังคารที่ 16 มกราคม 2567 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นำโดย รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี ให้การต้อนรับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) นำโดย คุณจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันฯ ในโอกาสเข้าร่วมประชุมการสร้างความร่วมมือ เรื่อง การพัฒนากำลังคน เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนากำลังคนให้มีทักษะวิชาชีพ ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและของโลกในบริบทที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) โดยการประชุมหารือจัดขึ้น ณ ห้องประชุมพินิจวิทัศน์ (V Space) ชั้น 14 อาคารการเรียนรู้พหุวิทยาการ (Learning Exchange)

โอกาสนี้ ท่านอธิการบดี พร้อมด้วย รศ. ดร.สยาม เจริญเสียง รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการ ผศ. ดร.สันติ เจริญพรพัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์ ผศ.ดร.ภาณุทัต บุญประมุข รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ ดร.อรกัญญาณี เลี้ยงอิสสระ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผู้บริหารและบุคลากรจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และคณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ และสำนักงานยุทธศาสตร์ ได้ร่วมนำเสนอทิศทางการพัฒนาของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในส่วนเป้าหมายและรูปแบบการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัยของ มจธ. ตลอดจนสรุปผลการดำเนินงานที่สององค์กรได้เคยทำร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังได้หารือประเด็นความร่วมมือระหว่าง มจธ. กับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ซึ่งได้ข้อสรุปสิ่งที่จะดำเนินการร่วมกันต่อไปอย่างเป็นรูปธรรมจำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1) การร่วมจัดทำและทบทวนมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ ตลอดจนการเป็นองค์กรรับรองสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพของสถาบันฯ โดยเฉพาะในอาชีพหรือสมรรถนะสำหรับโลกยุคใหม่ 2) มจธ.จะเป็นแนวร่วมของสถาบันฯ ในการส่งเสริมให้มาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพเป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับความสามารถของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไทย และ 3) การเชื่อมโยงกลไกการพัฒนากำลังคนของ มจธ. เช่น ระบบ Micro Credential  ระบบ OBEM ระบบ KMUTTWORKS และอื่นๆ กับกลไกต่างๆองสถาบันฯ เช่น ระบบ E-Workforce Ecosystem Platform ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมมือกันทำงานต่อไปอย่างต่อเนื่อง