เจ้าหนูนักตบลูกเด้งตัวตึงเยาวชนทีมชาติ จากดรุณสิกขาลัย (DSIL) “ปูน ณภพ”

เปิดมุมมองความคิดของวัยรุ่น GenZ “น้องปูน” ด.ช.ณภพ ดรณีรัตน์ ดีกรีนักกีฬายุวชน สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย รุ่นอายุ 11 ปี ที่มาพร้อมความมุ่งมั่นในการเติบโตบนเส้นทางสายนักกีฬาอาชีพที่เขาเลือก

เริ่มจับไม้ปิงปองตั้งแต่ 7 ขวบ

เริ่มเรียนตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ โดยผมเป็นคนขอพ่อแม่เองเลย จากที่ได้ตีเล่นที่บ้านแล้วก็ชอบมาก ๆ อยากเล่นจริงจัง คุณพ่อคุณแม่จึงส่งไปเรียนกับโค้ชที่ยิมใกล้บ้าน คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนเต็มที่

ทำไมต้องเป็นปิงปอง

จริง  ๆ ผมเล่นกีฬาประมาณ 3 อย่างครับ คือ ฟุตบอล กอล์ฟ แล้วก็ปิงปองครับ แต่ชอบปิงปองสุดเลย เพราะไม่ต้องปะทะ ไม่เจ็บตัว และต้องมีการวางแผน คิดรูปเกมในการต่อสู้ เริ่มจากฝึกเบสิก หัดเสิร์ฟ และนำทักษะทุกอย่างมารวมกันก็จะกลายเป็น “รูปเกม” ครับ

เวลาว่างของปูน

นอกจากเล่นปิงปอง ผมจะชอบเล่นรูบิก เล่นเกมส์ และบางทีก็เล่นกับไก่กับนกที่บ้าน ผมเลี้ยง 18 ตัวเลยครับ

6 ปีที่ DSIL  

ผมเรียนที่นี่ตั้งแต่ ป.1 จนตอนนี้ผม ป.6 แล้ว ที่นี่สนุกมาก เพื่อนนิสัยดี ช่วยเหลือกันตลอด การเรียนที่นี่จะเน้นการทำโปรเจค ส่วนจะได้ทำอะไรจะได้ไปลุ้นในคาบครับ วิชาโปรเจคเราจะได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีโจทย์ใหม่ ๆให้ทดลองทำตลอด โรงเรียนเราจะต้องมีการจัดงานนิทรรศการทุกปี ช่วงใกล้จัดงานพวกเราก็ต้องเร่งทำโปรเจคกันอย่างจริงจังครับ อย่างงานล่าสุดที่เพิ่งจัดแสดงไปผมทำเรื่องการฝึกนกและกระต่าย ทำกับเพื่อนสามคน เพราะผมกับเพื่อนอีกคนเลี้ยงนก และอีกคนเลี้ยงกระต่าย จึงมีไอเดียอยากให้นกกับกระต่ายเชื่อง โครงงานใช้เวลา 5 สัปดาห์ โดยเราจะวางแผนก่อนว่าอยากให้สัตว์เลี้ยงของเราทำอะไรบ้าง และเราควรฝึกอย่างไร เช่นของผมจะฝึกเรียกชื่อนก เพื่อให้เขารู้จักชื่อตัวเอง และสามารถทำตามคำสั่งเราได้ หลังจากจบโครงการ “ปุ๋งปุ๋ง” ของผมก็เชื่องขึ้นนะครับ

รู้จักกับปุ๋งปุ๋งของปูน

“ปุ๋งปุ๋ง” คือเจ้านกน้อยคู่หูคู่ซี้ของน้องปูน ตัวที่น้องเล่าว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในโปรเจคที่เขาภาคภูมิใจนั่นเอง และที่นกของเขาต้องชื่อนี้ ก็เพราะว่า เขาและพี่สาวมีชื่อ ขึ้นต้นด้วยตัว ป. จึงอยากตั้งชื่อนกให้เข้ากันเหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว

ผมชอบสัตว์ปีก

ผมมีแผนในการเลี้ยงสัตว์เพิ่มในอนาคตครับ นั่นคือ ห่าน และเป็ด เพราะผมชอบสัตว์ปีกมากครับ

รีวิวการเรียนที่ DSIL

ครูสอนทุกอย่างเลยครับ และคอยดูแลดีมาก เวลาเล่นก็เล่นด้วยสนุก เวลาเรียนก็จริงจัง วิชาที่ผมชอบที่สุด คือ FabLab และ Club ครับ เป็นวิชาที่ได้ลงมือปฏิบัติสิ่งประดิษฐ์ตามโจทย์ที่ได้รับ อย่างปีนี้โจทย์คือ สร้างของให้เกิดความสะดวกสบาย หรือสามารถใช้ช่วยเหลือคนได้จากสถานการณ์ต่าง ๆ ผมได้ทดลองสร้างเรือ เพราะคิดว่าเป็นยานพาหนะที่จะช่วยคนได้ในวิกฤติน้ำท่วมครับ

เล่นกีฬากับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน

สนุกเฮฮามากครับ ที่นี่มีกีฬาให้เล่นมากมาย ได้เล่นกับพี่ ๆ น้อง ๆ ระดับชั้นอื่นด้วย ทุกคนสามารถเล่นกันได้หมดเลย ผมจะชอบเล่นฟุตบอลมากที่สุดครับ เพื่อนคนอื่นก็มีเล่นแบด และบาสด้วยครับ ความรู้สึกจะต่างกับตอนเล่นที่สนามแข่งนะครับ เพราะจะมีความเครียดและกดดันเล็กน้อย

การแบ่งเวลาฝึกซ้อมปิงปอง

ปกติซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์เลยครับ จะซ้อมหลังเลิกเรียน ช่วงเวลาสี่โมงครึ่งถึงทุ่มครึ่งครับ หยุดแค่วันพุธ ส่วนเสาร์อาทิตย์ซ้อมแปดโมงครึ่งถึงสิบเอ็ดโมงครึ่งครับ การบ้านผมจะทำช่วงสามโมงถึงสามโมงครึ่ง จากนั้นเป็นเวลาซ้อมอย่างที่เล่าเลยครับ พอกลับมาบ้านก็ทานข้าวอาบน้ำ เล่นเกมส์นิดหน่อย แล้วก็รีบเข้านอนครับ แรก ๆ ก็มีเหนื่อยเป็นธรรมดาครับ ต้องใช้การปรับตัวไปสักระยะแล้วก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ 7 ขวบครับ

รางวัลแห่งความภูมิใจ

รางวัลล่าสุดเมื่อปีที่แล้วเลยครับ ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมในรายการ WTT (การแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิสในระดับนานาชาติ รายการ WTT Youth Contender Bangkok ระหว่างวันที่ 12 – 18 กันยายน 2565 ณ ไอส์แลนด์ฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์) ปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพ บรรยากาศการแข่งสนุกและตื่นเต้นนะครับ คนเข้าร่วมน่าจะ 40 กว่าคนเลย การแข่งจะใช้วิธีการแบ่งเป็นสายและให้ที่ 1 และ 2 ของแต่ละสายมาแข่งกัน เป็นรอบน็อคเอาท์ ผมได้เข้ารอบลึกสุดที่แปดคนสุดท้าย โดยผมได้เจอกับคู่แข่งจากอินเดียครับ และเพื่อนอินเดียคนนั้นก็เข้ารอบไปจนได้แชมป์ในปีนี้ครับ

ความตั้งใจจริงที่อยากจะเป็นนักกีฬาทีมชาติ

ปัจจุบันผมเป็นนักกีฬาในสังกัดไทยรุ่ง สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย (TTAT Thailand) ปีนี้ผมจะต้องเลื่อนระดับขึ้นมาในรุ่น 13 ปี จะต้องไปคัดตัวทีมชาติอีกครั้งเพราะเป็นรุ่นที่โตขึ้น และส่วนตัวผมมองว่านักกีฬาปิงปองที่เก่งและมีเทคนิคดี คือ ประเทศจีน ผมจะตั้งใจฝึกซ้อมให้เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ และอยากเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งอีกหลาย ๆ รายการที่ได้รับโอกาสเลยครับ ส่วนเรื่องการเรียนต่อผมยังชอบที่จะเรียนต่อในโรงเรียนปกติ และแบ่งเวลาไปฝึกซ้อมแบบตอนนี้ สำหรับแพลนในปีนี้แน่นอนครับ ซ้อมไปเรื่อย ๆ ตามที่โค้ชแนะนำ และอีกอย่างเลย “ผมอยากเที่ยวครับ” (ยิ้ม)

ขอสามคำที่แทนความเป็นตัวเรามากที่สุด

“ปิงปอง เล่น เที่ยว” ตามนั้นเลยครับผมชอบตีปิงปอง เล่นเกมส์ เล่นรูบิก และเที่ยว คือผมอยากเที่ยวครับ

การได้พูดคุยกับน้องปูนเพียงเวลาไม่กี่นาที เราก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ความไร้เดียงสาในการตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาของเขา สะท้อนให้เห็นไฟในการเรียนรู้ของเด็กรุ่นใหม่ และการทำตามความฝันในสิ่งที่พวกเขารัก ช่างน่าภูมิใจแทนครอบครัวของน้อง เชื่อเหลือเกินว่าหากใครได้มาอ่านบทสัมภาษณ์นี้ก็คงรู้สึกไม่แตกต่างกัน เราขอเป็นกำลังใจให้น้องปูนเติบโตในเส้นทางสายนักกีฬาอาชีพอย่างที่ตั้งใจ เราทุกคนพร้อมเป็นกำลังใจและพร้อมสนับสนุนน้องตลอดไป “สู้ ๆ นะเจ้าปูน”