ทำความรู้จักกับ ภู ภูวินทร์ นิกข์นิภา หนุ่มวิศวะยิ้มหวาน จากภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม ดีกรีนักกีฬาขี่ม้าเยาวชนทีมชาติไทย ประเภทขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง กับสเน่ห์ที่มาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะเดินตามเส้นทางความฝัน ใครที่ยังไม่รู้จักกีฬาขี่ม้า…ระวังนะ บทสัมภาษณ์นี้อาจทำให้คุณเผลอตกหลุมรักกีฬานี้ (และภู) แบบไม่รู้ตัว

อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากขี่ม้า? จำได้ไหมว่าเริ่มขี่ม้าครั้งแรกเมื่อไหร่?”
ตั้งแต่ 9 ขวบเลยครับที่เริ่มฝึกฝนกีฬานี้ และภูก็มุ่งมั่นมาโดยตลอด สำหรับเรื่องการลงสนามแข่งก็ได้ที่หนึ่งตั้งตั้งแต่ลงสนามแข่งครั้งแรกเลย ตอนนั้นทั้งตกใจ ทั้งดีใจ และมันกลายเป็นโมเมนต์ที่อยู่ในใจมาจนถึงวันนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ภูหลงรักกีฬานี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น ตั้งแต่นั้นมา…ก็รู้เลยครับว่า อยากทุ่มเทให้กับมันทั้งใจจริงๆ และต้องขอบคุณครอบครัวมากๆด้วยเพราะเป็นส่วนสำคัญ เป็นแรงสนับสนุนหลักของภูที่ผลักดันภูมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ครับ
เล่าเกี่ยวกับกีฬา ‘ขี่ม้า’ ให้เพื่อนๆฟังหน่อย คืออะไร? ต้องฝึกอะไรบ้าง?
“ขี่ม้า” ไม่ใช่แค่เรื่องของพละกำลัง แต่มันคือการใช้ทั้งร่างกายและใจในทุกจังหวะของการเคลื่อนไหว สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับภูไม่ใช่แค่การทรงตัวหรือควบคุมม้า แต่คือ “การสื่อสารกับเขา” ทั้งทางกายภาพและจิตใจ มันเหมือนกับ “1 + 1 = 1” คือเรากับม้าต้องเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้ ทุกวันคือความท้าทาย เพราะม้าเองก็มีอารมณ์ขึ้นลงไม่ต่างจากคน แต่ละวันอารมณ์เขาไม่เหมือนกันเลย หน้าที่ของภูคือทำให้เขาสบายใจทุกครั้งที่เราขี่ไปด้วยกัน สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นกับกีฬาประเภทนี้คิดว่ามาลองก่อนได้เลยครับ จะได้รู้ว่าหัวใจเราอยากขี่ม้าจริงๆไหม เพราะภูก็รู้สึกว่าเป็นกีฬาที่อันตรายและต้องระวังมากเหมือนกัน เรากำลังเล่นกับสัตว์ที่มีชีวิต มีความรู้สึก เราต้องคอนโทรลทั้งตัวเอง และเรียนรู้ที่จะเข้าใจทั้งร่างกายและใจของเขาไปพร้อมกัน
คิดว่าทุกคนน่าจะอยากทำความรู้จักกับน้องม้าของภูกันแล้วล่ะ ถึงเวลาเปิดตัวพระเอกแล้ว
ม้าคู่ใจของภูชื่อว่า “เพกาซัส” ครับ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เขาอายุแค่ 5 ขวบ จนตอนนี้เขาอายุ 11 แล้ว เป็นเวลาหลายปีที่ภูเป็นคนเทรนเขาด้วยตัวเอง จนเราเหมือนรู้ใจกันไปหมด เพกาซัสเป็นม้าที่กล้าหาญมากๆ ไม่ค่อยกลัวอะไรเลย ตลอด 5 ปีที่เราขี่ด้วยกันมา ภูไม่เคยตกจากหลังเขาเลยสักครั้งเดียวเพราะเขาดูแลเราดีมาก เหมือนเราซิงก์กันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แค่สบตาก็รู้แล้วว่า วันนี้เขารู้สึกยังไง พร้อมลุยไหม หรือแค่ต้องการความเข้าใจจากเรา
การดูแลน้องม้าให้พร้อมลุยไปกับเราทุกสนามแข่ง
ปกติจะมีคนดูและเขา 24 ชม. อยู่แล้วครับ แต่ในส่วนของภูวันไหนเราขี่เขาหนักมากก็จะประคบขาและหลังเขาด้วยน้ำแข็ง เพื่อให้เขาผ่อนคลายเอ็นและกล้ามเนื้อเพื่อให้เขาพร้อมสำหรับการขี่ครั้งต่อไป และเราต้องเลือกอาหารที่มีสรรพคุณเหมาะสมกับเขา หาสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาเพื่อให้เขาพร้อมที่จะลุยไปกับเรา



คู่หูตัวจริง! มีงอนกันบ้างไหมเวลาไม่ฟัง
จริงๆ แล้ว…อาทิตย์นึงก็ตีกันเกือบทุกวันแหละครับ (หัวเราะ ยิ้มตาสระอิ) คือทะเลาะกันบ่อยนะ ดื้อบ้าง งอนบ้าง บางทีก็มีแอบฟาดหางใส่เล็กน้อย แต่ที่น่ารักคือภูรู้ว่า “เพกาซัส” เขารู้หน้าที่ตัวเองดีมากเลยครับ ว่าเวลาไหนต้องโหมดแข่ง โหมดซ้อม หรือเวลาไหนที่เขาจะขอเป็นม้าดื้อๆ ได้บ้าง แต่พอถึงวันแข่งจริง เขาจะเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจังแบบเป๊ะมาก ไม่มีงอแงครับ นี่แหละข้อดีของเพกาซัสที่ภูรักมาก เพราะทุกครั้งที่เราลงสนามด้วยกัน เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้งเดียว
ม้าคู่ใจของเรา มีคาแรกเตอร์เหมือนตัวการ์ตูนอะไร
คิดว่าเขาน่าจะมาจากจักรวาลมาเวลครับ ให้เป็นไอรอนแมนดีกว่า เพราะเขากล้าหาญและไม่กลัวอะไรเลย ต่อให้เจอสิ่งที่น่ากลัวเขาก็พร้อมที่จะสู้ไปกับเรา เพกาซัสคือฮีโร่ตัวจริงของภูเลยครับ เท่แต่ก็อบอุ่น เหมือนมีเกราะเหล็กคลุมหัวใจที่ไว้ใจได้เสมอ
ถ้าให้เปรียบเรากับม้าต้องเป็นคู่ดูโอ้ คิดว่าตัวจะเป็นอะไรดี และเราจะเป็นทีมแบบไหนกันนะ
ภูหรอครับ ?!? ให้เป็นอะไรดีล่ะคิดไม่ออก ภูน่าจะเป็นแมงหวี่มั้งครับ อารมณ์แบบบินไปกับเขา เกาะๆไอรอนแมนไป แต่ไม่ว่าภูจะเป็นอะไรแต่สิ่งที่แน่ใจอย่างเดียวเลยคือภูจะเป็นคนที่ซับพอร์ทเขาได้ครับ


อยากบอกหรือขอบคุณอะไรคู่หูเราไหม
อยู่ด้วยกันมานานมากเลยนะครับ ตั้งแต่ตอนที่ยังทำอะไรไม่เป็นเลย กระโดดก็ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ เราผ่านการปรับจูนกันมาเยอะมาก ภูอยากขอบคุณเขาที่ทำให้ภูมีทุกวันนี้ ขอบคุณที่ช่วยทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณที่ช่วยภูทุกสนามในการแข่งขัน ขอบคุณที่ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อภูแบบไม่มีเงื่อนไข และขอบคุณในความซื่อสัตย์ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ถ้าไม่มีเขา… ก็คงไม่มี “ภู” ที่ยืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้ครับ
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจของภู
เรียกได้ว่ากวาดรางวัลมาทุกสนามแข่งแล้วจริงๆกับเด็กหนุ่มคนนี้ สำหรับรางวัลระดับอินเตอร์ที่เขาคว้ามาได้แล้วนั้นก็มากมาย ได้แก่ The Iran-Thailand Friendship competition, winning 1st place individually and 2nd place with the team , The CSIJ four times , The Thailand National Team in Taiwan and Iran , The Thailand National Games and won 3rd place with the team , The Maxwin Cup, winning 1st place in show jumping twice , The Maxwin League, winning 1st place in show jumping twice ซึ่งนี่ก็แค่ไฮไลต์เท่านั้น เพราะถ้าจะนับรวมรางวัลยิบย่อยอื่นๆ ด้วยล่ะก็ คุยกันสองวันก็อาจจะยังไม่จบเลยนะ
ทั้งซ้อมและแข่งหนักขนาดนี้ แบ่งเวลาระหว่าง ‘การเรียน’ กับ ‘การเป็นนักกีฬา’ ยังไง?
สิ่งหนึ่งที่ดีมากๆ เลยครับ คือมหาวิทยาลัยของเราซัปพอร์ตเรื่องกีฬาดีมากจริงๆ สำหรับภู… การแบ่งเวลาเรียนกับการซ้อมมันเริ่มจากการ “รู้ตัวเอง” ครับ เราต้องเข้าใจก่อนว่าเราเรียนได้ระดับไหน และร่างกายเราพร้อมแค่ไหนสำหรับการซ้อม จากนั้นก็ต้องกล้าที่จะ “จัดลำดับความสำคัญ” ให้ชัด ว่าอะไรควรมาเป็นอันดับแรกในช่วงเวลานั้นๆ บางช่วงที่การขี่ม้าพร้อมแล้ว เราก็หันมาโฟกัสเรื่องเรียนให้มากขึ้น เพื่อให้ทั้งสองอย่าง ทั้งกีฬากับการเรียน เดินไปด้วยกันได้อย่างสมดุล ภูเชื่อว่าถ้าเราวางแผนดี แล้วลงมือทำจริง ทุกอย่างมันจะบาลานซ์ได้ครับ



‘นักศึกษา’ ‘นักกีฬา’ และ ‘นักกิจกรรม’ ความสนุกของการใช้ชีวิตวัยมหา’ลัย ที่นี่… มจธ. สนับสนุนเด็กในทุกด้านจริงๆ ครับ ไม่ว่าคุณจะถนัดอะไร ที่นี่มีพื้นที่ให้คุณได้เติบโตในทางของตัวเอง สำหรับภู อาจจะไม่ได้เรียนเก่งที่สุด แต่ก็พยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่เสมอ อีกหนึ่งบทบาทที่ภูภูมิใจมากก็คือการได้เป็นคฑากรประจำมหาวิทยาลัย และบอกตรงๆ ว่าภูชอบทุกบทบาทที่ได้ทำเลยครับ เพราะภูเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เรารักในสิ่งที่ทำ เราจะหาวิธีจัดการกับทุกอย่างได้เสมอ แม้จะต้องพักผ่อนน้อยลง ต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่ถ้ามันคือ “สิ่งที่ใช่” เราก็พร้อมจะทุ่มเทให้มันจนสุดใจครับ



ในทุกจังหวะที่ม้ากระโดดข้ามรั้ว มันคือภาพของความพยายามแบบสุดใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่กล้าฝันและวิ่งตามฝันนั้นแบบไม่หยุดพัก แถมเร็วๆ นี้ ภูก็กำลังจะกลายเป็น บัณฑิตใหม่ป้ายแดงจากรั้ว มจธ. อีกหนึ่งก้าวสำคัญในชีวิต ที่เราอดไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกยินดีและภูมิใจไปกับเขาด้วย เพราะไม่ใช่แค่ในสนามแข่งเท่านั้นที่เขาทุ่มเท แต่ในทุกบทบาทของชีวิต ภูก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจและหัวใจที่ไม่ธรรมดา เราจะขอเฝ้ามองเขาเติบโตต่อไปในเส้นทางสายกีฬาที่เขารัก ภูแอบกระซิบเบาๆ ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้เขากำลังลุยเต็มที่กับการฝึกซ้อม ทั้งตัวเองและน้องม้าคู่ใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคัดตัวลุยซีเกมส์ปลายปีนี้ ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้…ขอฝากส่งแรงใจเบาๆ ให้ภูได้เติบโตบนเส้นทางที่เขารัก และทำให้ความฝันกลายเป็นจริงในสนามที่ใหญ่ขึ้นอีกขั้นด้วยนะ