ศ.ดร.ชัย จาตุรพิทักษ์กุล ได้รับทุนสนับสนุนกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568 ขับเคลื่อนเทคโนโลยีอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่เมกะซิตี้แห่งอนาคต

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงานเปิดตัว “นักวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568” พร้อมแถลงผลงานวิจัยที่มีความสำคัญระดับประเทศ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ณ ห้อง Lotus 9 ชั้น 22 บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชัย จาตุรพิทักษ์กุล จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้รับทุนสนับสนุนกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง สำหรับโครงการวิจัยเรื่อง “เทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมก่อสร้างเพื่อรองรับการพัฒนาเมกะซิตี้แห่งอนาคต” ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่การแข่งขันในระดับโลก โดย “ผลผลิตที่ได้จากโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเมกะซิตี้แห่งอนาคตของประเทศไทยในทุกมิติทั้ง ด้านกำลังคนทักษะสูง ด้านนวัตกรรมวัสดุสมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านบริหารจัดการเมืองและการประเมินความเสี่ยง และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาเศษฐกิจและนโยบายเพื่อการสร้างเมืองแห่งอนาคตที่ยั่งยืน”

ในงานมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแสดงความยินดี อาทิ นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  ศาสตราจารย์กิตติคุณ น.สพ. พีระศักดิ์ จันทร์ประทีป กรรมการทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง  รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และ รศ. ดร. ทวิช  พูลเงิน คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. เข้าร่วมแสดงความยินดี

ทั้งนี้ ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง มีเป้าหมายสนับสนุนกลุ่มวิจัยที่มีความสามารถสูง ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านมนุษยศาสตร์ ให้ผลผลิตงานวิจัยที่สามารถแข่งขันและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงก่อให้เกิดผลกระทบทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง โดยโครงการวิจัยนี้มีระยะเวลาการดำเนินงานวิจัย 3 ปี มีงบประมาณจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ จำนวน 15 ล้านบาท และงบประมาณสมทบจาก ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. อีกจำนวน 3 ล้านบาท  รวมงบประมาณทั้งสิ้น 18 ล้านบาท