เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 ศูนย์นวัตกรรมนโยบาย สำนักงานยุทธศาสตร์ และสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้จัดกิจกรรมเสวนา “STRATEGIC FORESIGHT : อนาคตประเทศไทย อนาคตอุดมศึกษาไทย อนาคตมหาวิทยาลัยไทย” ณ ห้องประชุมประภา ประจักษ์ศุภนิติ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านนโยบายและการพัฒนาประเทศเข้าร่วมเสวนาอย่างพร้อมหน้า
การเสวนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ แบ่งปันข้อคิดเห็น และสะท้อนมุมมองเชิงนโยบายเกี่ยวกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ระบบการศึกษา และสถาบันอุดมศึกษาไทยในอนาคต
วัตถุประสงค์หลักของการจัดกิจกรรม คือการเปิดพื้นที่ให้ มจธ. และประชาคมมหาวิทยาลัยได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยและแนวโน้มสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านพันธกิจ การพัฒนาองค์กร และความยั่งยืนในระยะยาว ตลอดจนการสะท้อนบทบาทของอุดมศึกษาไทยในบริบทการพัฒนาประเทศและการเปลี่ยนแปลงระดับโลก
การเสวนาครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายในประชาคม มจธ. เกี่ยวกับการคาดการณ์อนาคต (Foresight Thinking) ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของมหาวิทยาลัยในระบบอุดมศึกษาไทย การปรับตัวของระบบการศึกษาเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ รวมถึงการพัฒนาประเทศไทยในทิศทางที่เชื่อมโยงกับโลกอนาคต ซึ่งจะย้อนกลับมามีอิทธิพลโดยตรงต่อภารกิจและทิศทางการดำเนินงานของ มจธ.
นอกจากนี้ ผลลัพธ์จากเวทีเสวนาจะถูกนำไปสังเคราะห์และเชื่อมโยงเข้าสู่กระบวนการ KMUTT Strategic Foresight ซึ่งเป็นกระบวนการวิเคราะห์และประมวลข้อมูลเพื่อประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการคาดการณ์อนาคตอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้กำหนดทิศทางการพัฒนาของ มจธ. ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อมหาวิทยาลัยและสังคมโดยรวม
การจัดเสวนาครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และการแลกเปลี่ยนมุมมองที่หลากหลาย เพื่อเสริมสร้างความพร้อมของ มจธ. ในการก้าวสู่การพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่ยั่งยืน และเป็นการตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในการเป็นแหล่งบ่มเพาะความคิดและนโยบายเพื่ออนาคตของประเทศ