เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 จังหวัดสมุทรสาครจัดประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและน้ำ ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร โดยมี ร้อยตำรวจเอก เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานการประชุม
การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการเข้าร่วม อาทิ นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร, นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร, นายนคร หาญไกรวิไลย์ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร, ดร.อัจฉรีย์ งามพร้อมสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสาครและสำนักงานป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร อีกทั้งมี นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร เข้าร่วมสังเกตการณ์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นำโดย ผศ. ดร.วรพจน์ อังกสิทธิ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เป็นผู้แทนนำเสนอแนวทางการบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและยกระดับภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนพร้อมคณะฯ อาจารย์วรรณภพ กล่อมเกลี้ยง CEO KX Consulting Enterprise, นายจิระพันธุ์ เนื่องจากนิล หัวหน้าศูนย์วิจัยและบริการเพื่อชุมชนและสังคม และ ว่าที่ร้อยตรีหญิงวิภาวี จันทรัตน์ นักบริหารจัดการเทคโนโลยีเชิงธุรกิจ เข้าร่วมรังฟังประเด็นระดับจังหวัด ที่ต้องการให้ร่วมพัฒนาแผนงาน โครงการสำคัญ
การหารือมุ่งแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 5,000 แห่ง ที่ยังดำเนินการอยู่ ส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบดั้งเดิม ส่งผลให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคุณภาพน้ำโดยเฉพาะแม่น้ำท่าจีนยังอยู่ในระดับวิกฤตจากทั้งน้ำเสียชุมชนและการปนเปื้อนจากภาคอุตสาหกรรม ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงโครงสร้างอุตสาหกรรมเก่าที่ต้องการการปรับเปลี่ยนเชิงระบบ ทั้งด้านเทคโนโลยีและการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาขับเคลื่อนจังหวัดสมุทรสาคร 20 ปี
มจธ. ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาในภาพรวม โดยเน้นการบูรณาการระหว่างภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้หลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) และ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ทั้งนี้ มจธ. ให้ความสำคัญกับการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรม การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงระบบ การพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น และการส่งเสริมอาชีพสำหรับกลุ่มเปราะบางในสังคม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชน
การประชุมหารือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนจังหวัดสมุทรสาครสู่ “เมืองอุตสาหกรรมสีเขียว” ที่พัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืน
