มจธ. พร้อมมุ่งสู่การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ประกาศเจตนารมณ์ลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2040

วานนี้ (4 พ.ย. 2564) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดย รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี คณะทำงานด้านการพัฒนา มจธ. ที่ยั่งยืน และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ได้มีการประชุมหารือการดำเนินงานด้านการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยเพื่อความยั่งยืนผ่านช่องทางออนไลน์ ระบบ Microsoft Teams โดยมีวาระการประชุมพิเศษ

การกล่าวเจตนารมณ์ลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2040 ของ มจธ. (KMUTT Carbon Neutrality 2040)

โดยการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในอาคารและการเดินทาง การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการปลูกป่าเพื่อดูดกลับคาร์บอน เพื่อให้เกิดการวางแผน สนับสนุน ส่งเสริม ประสานงาน และสื่อสาร รวมทั้งการบูรณาการและปฏิบัติตามนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้การลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์สุทธินี้จะกลายมาส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตการทำงาน และเป็นวัฒนธรรมขององค์กรที่ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของโลกร่วมกัน และร่วมมือกันลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและเพื่อให้ มจธ. สามารถบรรลุไปสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่ตั้งไว้ได้นั้น จะมีการดำเนินการร่วมกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์อีก 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างการมีส่วนร่วมของนักศึกษา การสร้างผลกระทบเชิงบวกของงานวิจัยและนวัตกรรม การสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการสร้างสรรค์ระบบการบริหารที่ยั่งยืน และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนทั้งนักศึกษา บุคลากร ของ มจธ. รวมทั้งหน่วยงานและบุคลากรภายนอกที่ได้ร่วมงานหรือกิจกรรมกับ มจธ.

การกล่าวเจตนารมณ์ลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2040 ของ มจธ. (KMUTT Carbon Neutrality 2040) นับเป็นการขานรับกับนโยบายการลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิของประเทศที่มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวเมื่อเร็วๆนี้ คือ ประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุมระดับผู้นำสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ในการยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ. 2065