รู้จักกับสาวน้อยตัวเล็กปุ๊กปิ๊กเจ้าของเพลงไวรัล “ตะเกียงวิเศษ” ที่ฮอตฮิตติดปากวัยทีน “มินนี่” ณัฐวรา

เพี้ยง! เพี้ยง! เพี้ยง! เพี้ยง! อยากมีตะเกียงวิเศษ นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้อย่างแน่นอน ชวนมาทำความรู้จักกับน้อง “มินนี่ ณัฐวรา อุดมรัชตวนิชย์” เจ้าของเพลง ตะเกียงวิเศษ (One Wish) จากค่าย Club After Class นักเรียนโรงเรียนดรุณสิกขาลัย DSIL สาวน้อยตัวจิ๋ววัย 14 ที่พกพาความสดใสมาเต็มกระเป๋า

รู้จักมินนี่

หนูเป็นคน ดีด ร่าเริง เฮฮา ค่ะ เป็นคนที่เอเนอร์จี้เยอะมาก ๆ ตลอดเวลา เป็นคน Extraversion ชอบเข้าสังคม เฟรนด์ลี่ สนุกกับการพบเจอและพูดคุยคนใหม่ ๆ

มินนี่ที่ดรุณ

หนูเรียนที่นี่มา 4 ปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ ป.5 จนตอนนี้ ม.2 แล้วค่ะ ที่นี่ค่อนข้างต่างจากโรงเรียนอื่นมาก ๆ เชื่อไหมคะว่าตอนอยู่โรงเรียนเก่าหนูเคยเป็นเด็กที่โดนบูลลี่มาก่อน จนได้มาอยู่ที่นี่เปลี่ยนแปลงชีวิตหนูทุกอย่างเลย ได้พบเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ น่ารัก ได้พบเจอคนใหม่ ๆ สังคมที่นี่ดีมาก โดยเฉพาะตอนขึ้นมาม.1 ค่ะ หนูได้รู้จักคนในวงกว้างมาก มาก มากๆๆ ม๊ากกกก (ลากเสียงสูง) และหลากหลายจากทุกระดับชั้น สิ่งที่หนูประทับใจที่สุด คือ หนูมองว่าที่นี่เปิดโอกาสให้หนูได้ทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง อยากทำอะไรให้ทดลองทุกอย่างตามที่เราต้องการ และเพื่อนก็ช่วยเหลือกันดีมาก เพราะว่าระดับมัธยมจะมีการเรียนวิชาโปรเจคที่คละระดับชั้น คนที่มีความสนใจหรือความชอบในเรื่องคล้าย ๆ กัน มาอยู่ในบ้านโปรเจคเดียวกัน มาทำงานร่วมกัน ทำให้เราเห็นว่าทุกคนพร้อมจะซับพอร์ทกันตลอดเวลา ที่นี่อาจจะทำให้เราได้ค้นพบตัวเองได้เลยค่ะ

เล่าถึงโปรเจคที่เราประทับใจ

ประทับใจหลายโปรเจคเลยค่ะ หนูทำเพลง Cover ลง YouTube ค่ะ และก็ได้มีคิดสูตรทดลองทำสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ต จากนั้นก็ได้มาเรียนโขน แต่ละอย่างมีความสนุก และยากง่ายต่างกันมาก ทำให้ได้เรียนรู้ว่าเราชอบอะไรจริง ๆ

การทำงานกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ

ตอนม.2 เทอม 1 หนูได้ทำงานร่วมกับพี่ม.5 และ ม.6 หนูอยู่บ้าน MMAD (บ้านเรียน Music Multimedia Art and Design) ก็สามารถทำงานด้วยกันได้อย่างดีมาก แต่สิ่งที่ทำให้สนิทกันมากขึ้น คือ การไป Field Trip ที่โรงเรียนเราจะจัดทุกเทอม โดยจะไปกันยกบ้านเลย ทำค่ายจิตอาสา ทำกิจกรรมต่าง ๆ และใช้ชีวิตร่วมกัน มีอยู่ทริปนึงหนูต้องไปนอนกับพี่ม.6 ตอนแรกก็เกร็ง ๆ ค่ะ แต่พี่เขาทำให้เรารู้สึกสบายใจ และดูแลเราดีมาก จนได้มาสนิทกันพากันตื่นสายเลยค่ะ 5555 (ขำ) ในเทอม 2 หนูมาอยู่บ้าน Film ซึ่งเป็นบ้านเรียนใหญ่มาก สนุกสุด ๆ ได้เพื่อนเพิ่มเยอะมากค่ะ และอีกอย่างที่เป็นความประทับใจเลยที่อยากเล่า คือ ตอนทำกีฬาสีค่ะ หนูอยู่ในส่วนของเบื้องหลัง งานหนักมาก เป็นช่วงที่เครียดเพราะต้องทั้งเรียน ทำงาน และเตรียมกิจกรรม ต้องจัดการหลายอย่างมาก แต่ทุกคนก็ช่วยกันพยุงมาจนสำเร็จได้ค่ะ ทำให้เราได้คอนเนคชันเพิ่มจากงานนี้อีกทางด้วยค่ะ และล่าสุดเลยเทอมนี้อยู่บ้านละครเวทีค่ะ หนูเป็นทีมนักแสดง ก็เป็นอีกบทบาทที่ได้ทดลองทำค่ะ

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมสู่การทำงานจริง

หนูชอบมากค่ะการที่ได้สนิทกับทุกคน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากที่นี่และได้นำไปใช้จริงในชีวิตการทำงานนอกโรงเรียน หนูคิดว่า คือ วิธีการสื่อสารค่ะ เราได้เรียนรู้การปรับตัวเข้าใจความแตกต่างของแต่ละคน ทำให้เรารู้จักสังเกตคนรอบข้างและเข้าสังคมที่มีคนหลากหลายแบบได้ง่ายขึ้นค่ะ

ขอสามคำให้ดรุณ

“ขอบ คุณ ค่ะ” ขอบคุณที่ทำให้หนูได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ที่นี่ทำให้หนูเปลี่ยนไป หนูได้ปลดปล่อยความสดใสในตัวหนูออกมาได้สุดพลัง

เส้นทางสายนักร้อง

เรียกได้ว่าตั้งแต่จำความได้เลยค่ะ ตอนเด็ก ๆ หนูไปบ้านอาม่าบ่อย ที่บ้านอาม่ามีตู้คาราโอเกะค่ะ หนูไปร้องตลอดเลย ยิ่งได้ร้องก็ยิ่งชอบ จากนั้นก็ฝึกไปเรื่อย ๆ ชอบมาก คุณแม่ก็เลยส่งไปเรียนตั้งแต่ 5 ขวบค่ะ หนูยังจำภาพตอนนั้นได้อยู่เลยนะคะ คุณครูน่ารักมาก (ยิ้ม) เพลงแรกที่ร้องเลยคือ เถียนมีมี่ ที่ร้องกับอาม่าค่ะ แต่เพลงที่ฝึกกับครูครั้งแรก น่าจะเป็นเพลงละครที่ดังมาก ๆ ช่วงนึงค่ะ พี่ณเดชน์ญาญ่าเล่นแต่หนูจำชื่อเพลงไม่ได้จริง ๆ ใครนึกออกช่วยบอกหน่อยนะคะ นอกเหนือจากการร้องเพลง หนูก็มีเรียนเต้นตอนป.1 ป.2 กับเพื่อนค่ะ จนห่างหายไปนาน และได้มาเรียนอีกทีตอนอยู่ที่ค่ายก็ยังรู้สึกสนุกค่ะ

การแบ่งเวลาเรียนและทำงาน

เล่าย้อนไปช่วงมกราคม 2565 ตอนนั้นเป็นการออดิชัน หนูอยุ่ม.1 เทอม 3 และผ่านออดิชันได้เข้าไปเป็นTrainee ช่วงนั้นยอมรับว่าหลับในห้องเรียนบ่อยมากค่ะ แรก ๆ เป็นการซ้อมหลังเลิกเรียน จนพอมาถึงช่วงเพลงตัวเองใกล้จะต้องเดบิวต์ ช่วงนั้นหนักมากจริง ๆ ค่ะ กว่าจะถึงบ้านตีสองตีสามแล้ว และตื่นมาเรียนอีกค่ะ แอบมีท้อแท้บ้างนะคะ แต่หนูสู้มากค่ะ เพราะมันคือความฝันของหนูค่ะ อีกคนสำคัญนะคะ ต้องขอขอบคุณคุณแม่ของโมเดลเพื่อนของหนูค่ะ ที่ส่งคลิป Cover ของหนูให้พี่โทนี่ (CEO ค่าย Club After Class) ได้เห็น และให้โอกาสหนูได้ไปออดิชัน จนมีวันนี้ค่ะ

เล่าที่มาของเพลงฮิตติดหู “ตะเกียงวิเศษ”

ก่อนทำเพลง ศิลปินที่ค่ายเรา จะต้องมีการไปนั่งคุยกับทีมทำเพลง โดยจะมีการพูดคุยถามถึงความเป็นตัวเรา นิสัยใจคอ ความชอบ ความฝัน หรืออื่น ๆ ที่เป็นตัวเราค่ะ เพื่อเก็บข้อมูลไปทำเพลง และทุกคนเพิ่งได้เฉลยเซอร์ไพรส์ตอนเดโม่เพลงออกมา ว่าพี่ ๆ นำเรื่องที่เราเล่ามาแต่งเป็นเพลงเพื่อให้เป็นตัวเราที่สุดค่ะ ซึ่งหนูก็รู้สึกว่า มันใช่มาก ๆ เพลงนี้คือตัวหนูเลย หนูก็แอบงงว่าทำไมถึงมาเป็นแนวนี้ได้ หนูเล่าอะไรไปบ้างนะ (ขำ) แต่ก็ชอบเพลงนี้มากค่ะ

ผลตอบรับเกินคาดจากวัยรุ่น TikTok

ดีใจมากที่สุดเลยค่ะ เกินคาดมาก ๆ หนูมั่นใจว่ามันจะต้องออกมาดีอยู่แล้วเพราะหนูตั้งใจมาก แต่ไม่คิดว่าจะสุด ๆขนาดนี้ ขอขอบคุณแฟนคลับทุกคนเลยนะคะ

ถ้ามินนี่มีตะเกียงวิเศษจริง ๆ อยากจะขออะไร

ขอให้ได้ไปคอนเสิร์ตวงที่ชอบ (ยิ้มเขิน) หนูเป็นแฟน K-pop ค่ะ

ฝากผลงาน และอยากบอกอะไรแฟนคลับ

สามารถติดตามผลงานของหนูและเพื่อน ๆ ได้ที่ Club After Class ทุกแพลตฟอร์มเลยค่ะ รวมถึงสามารถฟังเพลงได้ในสตรีมมิ่งทุกช่องทาง สำหรับ IG ก็ minniefairyy และ TikTok minniemelodyyyy ตอนนี้ก็จะมีงานเดินสายเรื่อย ๆ เลยค่ะ ตามมาสนุกกันได้ทุกงานเลยนะคะ และในเดือนกุมภาพันธ์นี้ Club After Class ก็จะมีซิงเกิ้ล 2 ของ โบว์อิม ฝากติดตามด้วยนะคะ

ถูกใจแฟนคลับกันไหมกับบทสัมภาษณ์ของยัยตัวจิ๋วที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งกระแทกใจเท่านั้น แต่เรายังได้เห็นมุมของความตั้งใจจริงในการทำงาน การวิ่งตามความฝัน และทัศนคติดีๆที่โตเกินวัย ฝากทุกคนช่วยซัพพอร์ทยัยตัวเล็กของเราต่อในทุก ๆ ผลงานหลังจากนี้ เชื่อว่าน้องยังมีของรอปล่อยให้เราได้เซอร์ไพรส์กันอีกมากมายแน่นอน

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก Club After Class