ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีรับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2567

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568) เวลา 08.56 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ     สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ประจำปีการศึกษา 2567 ณ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี กรรมการสภามหาวิทยาลัย รองอธิการบดี และผู้แทนกองทัพเรือ เฝ้า ฯ รับเสด็จ

ในการนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. ยงยุทธ ยุทธวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และกราบบังคมทูลเบิกรองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กราบบังคมทูลเบิกผู้ทรงคุณวุฒิเข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายพงษ์ชัย อมตานนท์ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรม          อุตสาหการและระบบการผลิต รองศาสตราจารย์ เกษม เพชรเกตุ ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา และพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จำนวน 2,739 ราย

โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาว่า“ประเทศชาติของเรานั้น ต้องอาศัยผู้มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ มาช่วยกันสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคง ดังเช่นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ย่อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่แต่ละคนมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันและสืบเนื่องไปถึงอนาคต วิทยาการและเทคโนโลยีต่าง ๆ จะมีบทบาทสำคัญมากยิ่ง ๆ ขึ้นตลอดเวลา ทั้งในการดำเนินชีวิต การทำงาน และการพัฒนาบ้านเมือง ทุกคนจึงจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำความเข้าใจวิทยาการที่เปลี่ยนแปลงก้าวหน้า และพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีให้เพิ่มพูนขึ้นอยู่เสมอ พร้อมกันนั้น ก็เร่งสร้างสมอบรมปัญญาความฉลาด และคุณธรรมความสุจริต ให้เจริญงอกงามขึ้นในตน เพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างรู้เท่าทัน และนำความรู้ทางเทคโนโลยีไปใช้ได้อย่างถูกต้องให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวมประเทศชาติ หากบัณฑิตประพฤติปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ แต่ละคนก็จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาบ้านเมืองได้อย่างแท้จริง และสามารถบรรลุถึงความสำเร็จทั้งปวงได้ดังที่ปรารภปรารถนา”        

          ภายหลังพิธีพระราชทานปริญญาบัตร นักศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นนักศึกษาต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านผู้ได้รับทุนการศึกษาสหปัญญา ซึ่งเป็นทุนการศึกษาที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และนักศึกษาทุนการศึกษาอื่น ๆ รวมจำนวน 28 คน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท

          จากนั้นฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับผู้ได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ และคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และทรงทอดพระเนตรการขับร้องบทเพลง ซึ่งอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ “รัก” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นำมาขับร้องร่วมกับบทเพลง “ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง” โดย ผู้แทนนักเรียน นักศึกษา บัณฑิต และบุคลากรมหาวิทยาลัยฯ บทเพลงทั้งสองเปี่ยมด้วยความหมายลึกซึ้งถึง “ความรัก” ในมิติต่าง ๆ ทั้งต่อธรรมชาติ สิ่งรอบตัว และผู้คน รวมถึงความเสียสละและสายใยแห่งความเมตตาเข้าใจ การแสดงชุดนี้ มหาวิทยาลัยตั้งใจรังสรรค์อย่างประณีตเพื่อถวายความจงรักภักดีและถวายกำลังพระหฤทัยแด่สมเด็จ           พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ     อย่างหาที่สุดมิได้ และมอบเป็นของขวัญแห่งความภาคภูมิใจแด่บัณฑิต

มจธ. มุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกในการพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสูงรอบด้านที่มีความรู้ในเชิงวิชาชีพสามารถคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ลงมือปฏิบัติได้จริง พร้อมทั้งทักษะชีวิตและคุณธรรมจริยธรรม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประเทศและโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของประเทศ นอกจากนี้ มจธ. ยังให้ความสำคัญกับการ “ผลักดันงานวิจัยที่สร้างผลกระทบเชิงบวก” โดยเน้นงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคมและอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความท้าทาย” ทั้งในมิติของการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและอนาคต