“ถ้าเรายังไม่เชื่อว่ามันดีจริงก็ไม่ควรจะไปบอกคนอื่นว่ามันดี”

อนุพงศ์ พิทักษ์พงศ์


Vice President of Operations Best Practice บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)


นักศึกษาเก่าระดับปริญญาตรี ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีที่เข้าศึกษา 2532

จุดเริ่มต้นในสายอาชีพ

เริ่มต้นจากการเป็น วิศวกรเครื่องมือวัดและควบคุม มาจาก EGAT เรามาทำ construction ให้กับโรงโอเลฟินส์ ในตำแหน่ง วิศวกรเครื่องมือวัดและควบคุม หลังจากนั้นไปอยู่ facility engineer ให้กับโรงงานยานยนต์ของ General Motorsต่อจากนั้นได้มีโอกาสไปทำโรงงานทางด้านถุงมือทางการแพทย์ และได้กลับมาปิโตรเคมีอีกรอบนึงทางด้านของ project engineer จะคอยดูแลควบคุมด้านต้นทุน กำหนดการ และเอกสารต่าง ๆ ให้กับโปรเจคหนึ่งของ PTT GC พอจบก็มาดูทางด้านของ supply chain ดูภาพรวมทั้งหมดตั้งแต่ผลิตสต๊อก operation ไปจนถึงการขาย จนได้โปรโมทเป็นตำแหน่ง vice president ในตำแหน่ง business development หลังจากนั้นก็มาเป็น MD ของบริษัทลูก GC บริษัทหนึ่ง ไปเปลี่ยนธุรกิจเขา เพราะธุรกิจนั้นมันค่อนข้างที่จะอยู่ในช่วงขาลง ขาดทุนตลอด เป็นโอกาสที่ดี ได้ประสบการณ์ที่ดีในการไปเปลี่ยนแปลง ให้ความเชื่อมั่นกับน้อง ๆ ทีมงาน จนสามารถกลับมามีกำไรได้ อยู่ได้สัก 3-4 ปี ได้รับมอบหมายเพิ่มให้ไปทำต่างประเทศเป็น joint venture ที่เราไปทำกับประเทศอังกฤษ เป็นช่วงเวลาที่สนุกสนาน ได้ดึงโปรเจคหนึ่งของบริษัทนั้นมาลงที่ไทย ขณะนี้ก็ดำเนินการผลิตเรียบร้อย และโดนดึงมาดูแลส่วนกลางในตำแหน่ง operation best practice เพื่อจะเอาประสบการณ์งาน และเทคโนโลยีจากข้างนอกมาให้

ความท้าทายในการทำงาน

ในเชิงของความรู้เทคโนโลยีที่จะเข้ามา มันไม่ใช่ความท้าทายหลัก โดยปกติเวลาเรามีเครือข่ายรู้จักผู้คน พวกนี้จะหลั่งไหลมาเอง ผ่านการสัมมนา ผ่านการพูดคุย ผ่านการอ่านศึกษาต่าง ๆ แต่ส่วนหนึ่งที่ยากคือเรา launch ให้กับ operation ที่เขาคิดว่าเขาทำได้ดีอยู่แล้ว ให้เขายอมรับยังไงว่าเขาต้องปรับเปลี่ยนแล้วต้องมั่นใจว่าดีขึ้นด้วย ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงมันเป็นการไปเพิ่มงานให้กับเขา กว่าระบบจะลงตัว และเห็นผลว่าผลลัพธ์มันดีขึ้น มันทำให้ชีวิตเขาสะดวกขึ้น มันต้องใช้ทักษะเรื่องของการ communication การ fact based ให้เห็นว่าที่ผ่านมาคนอื่นเขาทำมันดีขึ้นอย่างไร เพื่อที่จะขอ budget ที่จะเอาไปใช้วางแผนให้เขามั่นใจว่าเรามี step by step ที่จะให้คนทำงาน ให้ operation ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แล้วก็ทำโปรเจคให้ได้ผลตามนั้น ถามว่าทักษะอะไรสำคัญคือเรื่องของการโน้มน้าวและสื่อสารซึ่งเป็นทักษะที่ใช้ได้ตลอดชีวิต

Mindset ที่ควรมีในการเรียนรู้สำหรับการฝึกฝน Soft skills

อย่างแรกเราต้องโน้มน้าวตัวเองให้ได้ก่อนไปโน้มน้าวคนอื่น ถ้าเรายังไม่เชื่อว่ามันดีจริงก็ไม่ควรจะไปบอกคนอื่นว่ามันดี การที่จะบอกให้ตัวเองยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มันดีก็คือเราต้องศึกษาจริง ๆ เมื่อเราเข้าใจแล้ว ต้องคิดว่าเนื้อหาที่เราจะสื่อสารเราจะย่อยยังไงให้คนอื่นเข้าใจง่าย เพราะเราอาจจะศึกษามาเยอะ ถ้าเราไม่ย่อยมัน คนอื่นเขาแค่ได้ยินจากการประชุมเขาไม่มีทางเข้าใจสิ่งที่เราต้องการ จะให้เขาเข้าใจได้ คืออย่างน้อยเราต้องหาแนวคิดมันให้ได้ ต้องย่อยเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเสร็จแล้วจะสื่อสารยังไงให้เป็นขั้นเป็นตอน เพราะฉะนั้นทักษะในเรื่องของการพูดทีละขั้นตอน เป็นทักษะที่สำคัญแต่อันนี้แค่ก้าวแรก ต่อไปจะทำอย่างไรให้เขามั่นใจว่าเวลา implement จริงมันเกิดผลอย่างนี้จริง ๆ แผนงานต้องมีขั้นมีตอน เป็นที่ยอมรับให้ทางด้านของผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วม เล่าให้เขาฟังเป็นขั้นเป็นตอน

เคล็ดลับในการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ

ทักษะในการ communication อย่างแรกคือวิเคราะห์ย่อยประเด็น อันนี้ต้องฝึกจากการอ่านการฟังบ่อย ๆ เช่น การฟัง podcast จะเห็นว่าเขาทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ เราต้องฝึกพยายามแบบเขา ทักษะการสื่อสารถ้าคิดแบบวิศวะมันก็คือ input process output input ก็คือผู้อื่นพูดเราฟังหรือมีเอกสารมาให้อ่าน แล้วก็มาดูว่าเราจะเขียนลำดับเรื่องราวอย่างไรจะพูดยังไงให้คนอื่นเข้าใจ จะเห็นว่าจริง ๆ ทักษะพวกนี้มันร้อยเรียงกันหมด เพราะฉะนั้นต้องเริ่มพัฒนาจากเรื่อง input ก่อน ฟังยังไงให้มันจับประเด็นให้ได้ ต้องบอกว่าหลายครั้งคือเราฟัง เราได้ยิน แต่เราไม่ได้ประเด็นที่เขาพูด ไม่ได้อารมณ์ที่เขาต้องการจะสื่อ มันต้องฝึก ต้องคิดวิเคราะห์ว่าจะพูดยังไงให้มันมี impact ให้เข้ากับบริบทนั้น ถ้าเราจับประเด็นไม่ได้ เวลาเราไปประชุมต่าง ๆ มันจะว่างเปล่า ทักษะทุกอย่างเอามาใช้แล้วจับประเด็นสำคัญให้ได้เพราะเราพูดไม่ได้ทุกประเด็นหรอก เน้นสิ่งที่สำคัญสื่อสารเป็นขั้นตอน

ความทรงจำสมัยเรียนที่ มจธ.

สมัยเรียนได้เรียนหลากหลายสาขาวิชาต้องยอมรับว่าตอนเรียนสงสัยมากเลยว่าจะเรียนทำไม เพราะบางทีมันไม่ได้เกี่ยวกับสาขาเราแต่เวลาจบมา ความรู้รอบ ๆ มันทำให้ทำงานกับคนอื่นได้ง่ายเหมือนพูดภาษาเดียวกันกับเขา เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด มันทำให้การประสานงานเป็นไปได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นอย่างแรกคือขอบคุณเรื่องหลักสูตรที่ถือว่าดี และอยากให้รักษาจุดเด่นตรงนี้ไว้ สิ่งที่สองคือสมัยเรียนต้องบอกว่าบางมดเป็นชนบท ความสุขมันจะไปอยู่ที่การทำกิจกรรม เล่นกีฬา สร้างเพื่อนสร้างความสนิทไปอีกแบบนึง ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะอยู่หอรอบ ๆ จะมีกิจกรรมตอนเย็นต่าง ๆ พวกนี้มันหล่อหลอมตัวตนเราขึ้นมาว่าเราจะเป็นคนที่เจอคนใหม่ ๆ พร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ จึงมองว่านอกจากหลักสูตรส่วนที่สำคัญที่มาเติมเต็ม และหล่อหลอมชีวิตเราขึ้นคือเรื่องของกิจกรรม อยากจะบอกให้น้อง ๆ อย่าไปโฟกัสแค่เรื่องเรียน กิจกรรมสำคัญ มันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นและมีความสุขขึ้น

3 ทักษะที่สำคัญในการทำงานให้ประสบความสำเร็จและมีความสุข

ทักษะในเรื่องของการสื่อสารใช้ในเรื่องของการเข้าสังคม เวลาเราเข้าสังคมใหม่ย้ายที่ทำงาน ในตำแหน่งงานเราจะเจอคนใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าเราสื่อสารได้ดี เราจะเริ่มต้นได้ดี เมื่อเราเริ่มต้นได้ดี เราจะมีเครดิต และเราจะทำงานได้ง่าย จากจะต้องใช้แรง 10 ก็ใช้แค่ 5 ถ้าคนเชื่อว่าเราทำได้ เขาจะไม่สงสัย แต่ถ้าเราไม่มีเครดิตเขาจะไล่จี้ เวลาเราจะไปเสียกับการตอบคำถามต่าง ๆเพราะฉะนั้นเน้นว่าการเริ่มต้นสำคัญมาก ๆ การเริ่มต้นได้ดีคือเราต้องเตรียมพร้อมด้วยเหมือนกับเรามีตั๋วรถไฟ และรถไฟมาถึงก็ขึ้น เตรียมพร้อมทักษะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิชาการ ทักษะการบริหารจัดการ ทักษะการสื่อสาร อีกอย่างคือเปิดในเรื่องของการเรียนรู้ เรียนรู้หลาย ๆ เรื่อง ความรู้ใหม่ ๆ มันเข้ามาตลอดแต่จะดีมากถ้าเรามี learn unlearn relearn สนใจเรื่องใหม่ ๆ มันก็ได้ความรู้ใหม่เพิ่มเติม เก็บไว้ในคลังของเรา เหมือนกับเราลับมีดเอาไว้ให้คมรอใช้

ฝากถึงน้องๆที่กำลังจะจบการศึกษา

เชื่อว่าน้องจะมีความรู้มีประสบการณ์ต่าง ๆ พอสมควร เรากำลังจะเข้าสู่บทบาทใหม่ในชีวิตการทำงาน เราต้องพร้อมที่จะเปิดรับในสิ่งใหม่ ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้ และสำคัญที่สุดคือขอให้เราคิดไว้ในใจว่าเราจะเต็มที่ในบทบาทของเรา เตรียมพร้อมทำเต็มที่และเร่งโชว์ผลงานในช่วงแรก ๆ แล้วชีวิตเราจะง่ายขึ้น