ผศ. ดร.วรินทร์ วงษ์มณี
ที่ปรึกษาอิสระ
นักศึกษาเก่าระดับปริญญาโท ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีที่เข้าศึกษา 2541
ปริญญาเอก บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ปีที่เข้าศึกษา 2550

จุดเริ่มต้นในการศึกษา ปริญญาโท และปริญญาเอก ที่ มจธ.
เราเริ่มต้นอาชีพเป็นอาจารย์ตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งเป็นช่วงที่วิศวกรเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงาน เมื่อผันตัวมาอยู่ในสายการศึกษา จึงมองว่าจำเป็นต้องศึกษาต่อ ตอนนั้นเราทำงานที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และต้องการสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เดินทางสะดวก “บางมด” จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด สมัยนั้นการเดินทางไปเรียนโดยรถเมล์หรือรถสองแถว ทำให้ได้พบปะเพื่อนต่างคณะ ซึ่งกลายเป็นคอนเนคชั่นสำคัญในเวลาต่อมา ณ ปัจจุบันนี้ถ้าจะทำงานคอนเนคชั่นเป็นสิ่งสำคัญมาก พอจบปริญญาโท อาจารย์ที่ปรึกษาก็ชวนให้เรียนต่อ เราลังเลเพราะงานที่ทำอยู่มีบทบาทสำคัญ เราได้ไปสอบที่ JGSEE ซึ่งสมัยนั้น JGSEE ให้ทุนด้วย เป็นทุนเรียนฟรีหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ และมีทุนวิจัยให้ด้วย จึงสมัครทิ้งไว้ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะเรียน JGSEE ที่บางมด คิดว่าเข้าไปเรียนก่อนแล้วค่อยไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ค่อยเลือกว่าจะอยู่มหาวิทยาลัยไหน พอเข้าไปเรียนแล้วเห็นผลงานอาจารย์ และที่สำคัญฝ่ายวิชาการ ณ ตอนนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยทางด้านงานวิจัยพลังงาน บางมดคือเบอร์ 1 เลยตัดสินใจได้ว่าจะอยู่ที่นี่และเลือกเรียนที่บางมด
ความทรงจำสมัยเรียนที่ มจธ.
หนึ่งในความทรงจำที่ประทับใจคือ วันแรกที่ขับรถไปสอบ เราโดนปรับค่าจอดรถและถูกอบรมอยู่ครึ่งชั่วโมง เพราะไม่รู้ว่าพื้นที่จอดมีการแบ่งโซนสำหรับนักศึกษาและอาจารย์ มันทำให้ตระหนักว่าถึงแม้สถานะทางสังคมจะเปลี่ยนไป แต่เมื่ออยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เราคือนักศึกษาเหมือนกัน สิ่งเล็ก ๆ นี้เป็นความทรงจำที่ดี
นำความรู้ที่ได้จากรั้ว มจธ. มาปรับใช้ในการทำงานอย่างไร
การเรียนที่นี่ไม่ได้สอนแค่ความรู้เฉพาะทาง แต่สอนให้คิดเป็นระบบ การแก้ปัญหาไม่ได้มองแค่จุดเล็ก ๆ ตรงหน้า แต่ต้องมองให้เห็นต้นเหตุของปัญหา เรานำแนวคิดนี้ไปใช้ในการทำงานเป็นที่ปรึกษา ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาเอกที่ได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาพลังงานในโรงงานน้ำแข็ง และยังใช้หลักคิดนี้ในอาชีพที่ปรึกษามาจนถึงทุกวันนี้
ประสบการณ์การทำงานหลังจากเรียนจบ
แม้จะจบด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและพลังงาน แต่งานที่เราทำจริง ๆ กลับเกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์มากกว่า 100% เราค้นพบว่าการทำงานไม่จำเป็นต้องตรงสายเสมอไป แต่ต้องสามารถใช้ความรู้เชิงระบบไปแก้ปัญหาที่แท้จริงของลูกค้าให้ได้ เราได้ไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทหนึ่งให้ลดพลังงาน ลดได้สิบเปอร์เซ็นต์ของพลังงานไฟฟ้า ได้เงินกลับมาหนึ่งแสนบาท แต่พอมาทำสัดส่วนพลังงานแล้ว เขาใช้รถขนส่งถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์เป็นค่าใช้จ่ายของเขา แล้วเข้าไปลดค่าขนส่งสิบเปอร์เซ็นต์ได้สิบล้าน เราไม่จำเป็นต้องไปทำด้านการผลิต ไฟฟ้า แต่อยากให้น้อง ๆ จัดลำดับความสำคัญให้ดีว่า จริงๆแล้วอุตสาหกรรมต้องการอะไร ลูกค้าต้องการอะไร แล้วปัญหาของลูกค้าจริงๆคืออะไร จัดลำดับความสำคัญนี้ให้ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องมองให้เห็นภาพรวมของธุรกิจ จัดลำดับความสำคัญของปัญหา และเลือกจุดที่มีผลกระทบมากที่สุดก่อน หาต้นเหตุของปัญหาให้เจอ
ฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา
สิ่งที่ทำให้เราทำงานอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้คือ การเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร หลายครั้งคนทำงานมักคิดว่าถ้ามีความเชี่ยวชาญด้านใดก็ต้องผลักดันสิ่งนั้นออกไปให้ลูกค้า นำสิ่งที่เราอยากทำให้ลูกค้า แต่แท้จริงแล้ว สิ่งสำคัญกว่าคือ “ลูกค้าต้องการอะไร” ถ้าสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ ไม่ว่าเราจะมีผลิตภัณฑ์หรือบริการอะไร ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ หลักการเดียวกันนี้ใช้กับการทำงานในองค์กรด้วย เราต้องเข้าใจว่าหัวหน้าหรือองค์กรต้องการอะไร และทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น “ทำในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราอยากทำ” นี่คือกุญแจสำคัญของการทำงานที่ยั่งยืน
